ฟุตบอลโลกหนนี้้จัดตั้งขึ้นเป็นครั้งที่ 21 โดยทีมที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันก็คือดินแดน "หมีขาว" ประเทศรัสเซียนั่นเอง โดยครั้งนี้พวกเขาได้เตรียมเมืองใหญ่ถึง 13 เพื่อรองรับฟุตบอลโลกคราวนี้ ซึ่งสังเวียนนัดชิงชนะเลิศคราวนี้ก็คือ ลุชนิกิ สเตเดี้ยม ที่บรรจุผู้ชมได้ถึง 81,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งความพร้อมครั้งนี้ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ ในฐานะกุนซือได้เตรียมทีมเป็นอย่างดีซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ในชุดนี้ถ้วนแต่ค้าแข้งอยู่ภายในประเทศทั้งนั่น

ด้วยความที่ผู้เล่นในชุดนี้เกือบทั้งหมดค้าแข้งภายในประเทศทำให้การเก็บตัวและรวมทีม เชอร์เชซอฟ สามารถทำได้อย่างง่ายดายและแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลยจึงไม่แปลกใจที่ทีมชุดนี้จะมี "ทีมเวิร์ค" เป็นตัวชูโรงในการสู้ศึกเวิล์ด คัพ รอบนี้ที่ผมกล่าวแบบนี้เป็นเพราะว่าผู้เล่น 23 คนสุดท้ายส่วนใหญ่นั้นมาจากสโมสรชื่อดังอย่าง เซนิตฯ, ซีเอสเคเอ มอสโก และรวมไปถึงสปาร์ตัก มอสโก นั่นเอง

แน่นอนว่าสิ่งที่หลายๆคนพูดถึงในทีมชุดนี้ก็คือแผงเกมรุกที่อุดมไปด้วยแข้งทีเด็ดอยู่หลายรายด้วยกัน แต่จุดที่หลายๆคนมองข้ามไปก็คือแผงหลังบ้านที่มีผู้รักษาประตูอย่าง อิกอร์ อาคินเฟเยฟ (105 นัด) และปราการหลังจอมเก๋าวัย 38 ปีอย่าง เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช (121 นัด/8 ประตู) เป็นหัวใจหลักประจำทีมมาโดยตลอดและแน่นอนฟุตบอลโลกหนนี้ทั้งคู่ก็มีชื่อติดโผอย่างไม่ต้องสงสัย

มีแข้งหน้าเก่าก็ต้องมีนักเตะหน้าใหม่เสริมเข้าทีมเป็นธรรมดา โดยคราวนี้ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ ได้ทำการหนีบตัวแข้งวัยรุ่นอย่าง ฟีดอร์ ชาลอฟ ศูนย์หน้าวัย 20 ปีจากต้นสังกัด ซีเอสเคเอ มอสโก เนื่องจากฤดูกาลที่เพิ่งจบไปเจ้าตัวโชว์ฟอร์มเทพพังประตูคู่แข่งไปได้ถึง 6 เม็ดจากการลงสนามไปเพียงแค่ 10 นัดเท่านั้นเองจึงไม่ประหลาดใจที่เจ้าตัวจะมีชื่อติดทัพ 23 ขุนพลสุดท้ายและนับว่านี้เป็นการประเดิมทัวร์นาเม้นในนามทีมชาติเป็นครั้งแรกและนับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดสุดสำหรับ ฟีดอร์ ชาลอฟ